บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน)

Capital Engineering Network Public Co., Ltd.
(CEN) was established since 1988.

Capital Engineering Network Public Co., Ltd.
(CEN) was established since 1988.

ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2531 CEN เป็นบริษัทชั้นนำที่เน้นการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและวิศวกรรมการก่อสร้าง บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2534 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 746,693,352 บาท

To be the leading holding company that seeks investments of high business potential and growth opportunities through employing comprehensive expertise

พ.ศ. 2537

บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน และชำระแล้ว 100 ล้านบาท

พ.ศ. 2543

บริษัทฯ ได้เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง

พ.ศ. 2546

บริษัทฯ ได้เปลี่ยนการดำเนินธุรกิจมาเป็นการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company)

พ.ศ. 2547

บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูแล้วเสร็จศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งยกเลิกฟื้นฟูกิจการ และหลักทรัพย์ของบริษัทได้กลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง

พ.ศ. 2549

บริษัทฯ ทำสัญญาซื้อหุ้นสามัญ และหุ้นกู้แปลงสภาพจากบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัท เอื้อวิทยา เครื่องอุปกรณ์ จำกัด) และหลังจากแปลงสภาพหุ้นกู้ บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 90.98 ของทุน ที่ชำระแล้ว 250.5 ล้านบาท และบริษัทฯ ร่วมลงทุนในบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 35

พ.ศ. 2550

บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มในบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็นร้อยละ 80.82 ของทุนจดทะเบียน 242 ล้านบาท

พ.ศ. 2551

บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นและโครงสร้างการจัดการตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551 ตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ 4616/2551 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2551

พ.ศ. 2553

บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว

พ.ศ. 2554

บริษัทฯ ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

พ.ศ. 2555

บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท เอซทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น จำกัด จำนวน 510,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51
บริษัทฯ นำบริษัทย่อยคือบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai

พ.ศ. 2556

บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 35.00
บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท ดับเบิ้ลยู เจ ซี เอ็นเตอร์ไพร์ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 89.23
บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท พีพีเอส เอ็นเนอยี แอนด์ มารีน จำกัด คิดเป็นร้อยละ 65

พ.ศ. 2557

บริษัทฯ นำบริษัทย่อย คือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯ ได้ขายหุ้นบริษัท พีพีเอส เอ็นเนอยี แอนด์ มารีน จำกัด

พ.ศ. 2558

บริษัทย่อย “เอซทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น” ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอเวอร์กรีน ไบโอแมส จำกัด เพื่อทำธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50,000,000 บาท

พ.ศ. 2559

บริษัท จำหน่ายเงินลงทุนของบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณา และงานกิจกรรม ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 35 บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(ใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 4 หรือ CEN-W4) จำนวน 372,570,689 หน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า

พ.ศ. 2560

บริษัทเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต และจัดทำนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่นและจรรยาบรรณทางธุรกิจ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน

พ.ศ. 2561

บริษัทย้ายสำนักงานจากเดิมซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 900/15 อาคารเอสวีโอเอทาวเวอร์ ชั้น 19 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120 มาอยู่ที่เลขที่ 1011 อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ชั้น 17 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

พ.ศ. 2562

บริษัทผ่านการรับรองจากคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต

พ.ศ. 2565

ได้รับมติรับรองฐานะสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย CAC เป็นครั้งที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

พ.ศ. 2566

บริษัท เมดิเฟียร์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด) เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจจาก รับเหมก่อสร้างขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน เป็นการประกอบธุรกิจเกี่ยวโรงพยาบาลเฉพาะทาง คลีนิคการแพทย์ความงาม เพื่อให้บริการศัลยกรรมการด้านความงามครบวงจร ทั้งการดูแลรักษาใบหน้าผิวพรรณ รูปร่าง และศัลยกรรมทั่วไป นำทีมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

พ.ศ. 2537

บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน และชำระแล้ว 100 ล้านบาท

พ.ศ. 2543

บริษัทฯ ได้เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง  

พ.ศ. 2546

บริษัทฯ ได้เปลี่ยนการดำเนินธุรกิจมาเป็นการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company)

พ.ศ. 2547

บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูแล้วเสร็จศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งยกเลิกฟื้นฟูกิจการ และหลักทรัพย์ของบริษัทได้กลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง  

พ.ศ. 2549

บริษัทฯ ทำสัญญาซื้อหุ้นสามัญ และหุ้นกู้แปลงสภาพจากบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัท เอื้อวิทยา เครื่องอุปกรณ์ จำกัด) และหลังจากแปลงสภาพหุ้นกู้ บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 90.98 ของทุน ที่ชำระแล้ว 250.5 ล้านบาท และบริษัทฯ ร่วมลงทุนในบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 35

พ.ศ. 2550

บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มในบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็นร้อยละ 80.82 ของทุนจดทะเบียน 242 ล้านบาท  

พ.ศ. 2551

บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นและโครงสร้างการจัดการตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551 ตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ 4616/2551 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2551

พ.ศ. 2553

บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว  

พ.ศ. 2554

บริษัทฯ ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

พ.ศ. 2555

บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท เอซทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น จำกัด จำนวน 510,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51 บริษัทฯ นำบริษัทย่อยคือบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai

พ.ศ. 2556

บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 35.00 บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท ดับเบิ้ลยู เจ ซี เอ็นเตอร์ไพร์ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 89.23 บริษัทฯ ลงทุนในบริษัท พีพีเอส เอ็นเนอยี แอนด์ มารีน จำกัด คิดเป็นร้อยละ 65

พ.ศ. 2557

บริษัทฯ นำบริษัทย่อย คือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai
บริษัทฯ ได้ขายหุ้นบริษัท พีพีเอส เอ็นเนอยี แอนด์ มารีน จำกัด

พ.ศ. 2558

บริษัทย่อย “เอซทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น” ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอเวอร์กรีน ไบโอแมส จำกัด เพื่อทำธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50,000,000 บาท

พ.ศ. 2559

บริษัท จำหน่ายเงินลงทุนของบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณา และงานกิจกรรม ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 35 บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(ใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 4 หรือ CEN-W4) จำนวน 372,570,689 หน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า

พ.ศ. 2560

บริษัทเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต และจัดทำนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่นและจรรยาบรรณทางธุรกิจ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน

พ.ศ. 2561

บริษัทย้ายสำนักงานจากเดิมซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 900/15 อาคารเอสวีโอเอทาวเวอร์ ชั้น 19 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120 มาอยู่ที่เลขที่ 1011 อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ชั้น 17 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

พ.ศ. 2562

บริษัทผ่านการรับรองจากคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต

พ.ศ. 2565

ได้รับมติรับรองฐานะสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย CAC เป็นครั้งที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

พ.ศ. 2566

บริษัท เมดิเฟียร์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด) เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจจาก รับเหมก่อสร้างขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน เป็นการประกอบธุรกิจเกี่ยวโรงพยาบาลเฉพาะทาง คลีนิคการแพทย์ความงาม เพื่อให้บริการศัลยกรรมการด้านความงามครบวงจร ทั้งการดูแลรักษาใบหน้าผิวพรรณ รูปร่าง และศัลยกรรมทั่วไป นำทีมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง